 
                  ดีพร้อมโชว์ความสำเร็จโครงการแองเจิ้ลฟันด์ ปี 2568 แจก 5 ล้านบาท ผนึกกำลัง 10 “ดีพเทคดาวรุ่ง” คู่ 21 “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” สร้างแรงกระเพื่อมเศรษฐกิจดิจิทัล

กรุงเทพฯ 31 ตุลาคม 2568 — กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) ร่วมกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แถลงผลสำเร็จการดำเนินโครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Fund) ในวาระครบรอบ 1 ทศวรรษพร้อมมอบเงินทุนสนับสนุนการจัดตั้งและขยายธุรกิจแก่สตาร์ทอัพและคอนเทนต์ครีเอเตอร์รวม 31 รายมูลค่า 5 ล้านบาท ตั้งเป้าสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 150 ล้านบาทในปี 2568 โดยตลอด 10 ปีของโครงการ สามารถสร้าง “ผู้ประกอบการอัจฉริยะ” (Smart Entrepreneurs) เข้าสู่วงการแล้วกว่า 237 ราย ด้วยเงินทุนสนับสนุนรวมกว่า 38.16 ล้านบาท และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท

ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจของโลก สตาร์ทอัพ คือ กุญแจสำคัญและเป็นอนาคตของเศรษฐกิจไทย กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของ

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยแนวทางต่าง ๆ อย่างเข้มข้น โดยที่ผ่านมามีโครงการสำคัญคือ โครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Fund) ซึ่งดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2559 เป็นความร่วมมือที่แข็งแกร่งตลอด 10 ปี ระหว่างดีพร้อมและบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และเป็นบทพิสูจน์ว่าเราสามารถ ลดอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้เกิดนวัตกรรม ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และนำผลิตภัณฑ์และบริการของสตาร์ทอัพไปสู่ตลาด เพื่อให้ขยายฐานกิจการทั้งในและต่างประเทศได้อย่างแท้จริง

ดร.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางในการผลักดันสตาร์ทอัพของกระทรวงฯ ในระยะถัดไปได้เล็งเห็นถึงความได้เปรียบในด้านการมีเครือข่ายธุรกิจและอุตสาหกรรม จึงมอบหมาย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ในการเป็นหน่วยงานหลักที่จะสร้างความพร้อม เพื่อเป็นแต้มต่อที่สำคัญในการช่วยเปิดทางให้สตาร์ทอัพ ได้มีโอกาสนำผลิตภัณฑ์หรือบริการเข้าไปร่วมทำงานกับภาคอุตสาหกรรมได้มากขึ้น โดยจะสร้างพื้นที่ทดสอบเทคโนโลยีและบ่มเพาะธุรกิจ ส่งเสริมให้หน่วยงานเครือข่ายนำโซลูชั่นของสตาร์ทอัพไปใช้งานจริง พร้อมสำรวจปัญหาของภาคอุตสาหกรรม เพื่อเฟ้นหาโซลูชั่นจากสตาร์ทอัพเข้าไปช่วยยกระดับการดำเนินงาน ซึ่งนอกจากจะลดความเสี่ยงของสตาร์ทอัพที่ผลิตนวัตกรรมไม่ตอบโจทย์ตลาดแล้ว ยังเป็นการขยายเครือข่ายตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้พร้อมก้าวสู่ตลาดทั้งในระดับประเทศและสากล

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ความสำเร็จของ Angel Fund ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาคือการสร้างผลกระทบที่วัดผลได้จริง เราได้สร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้าสู่วงการกว่า 237 ราย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท นี่คือบทพิสูจน์ว่าเราไม่ได้สนับสนุนแค่เงินทุน แต่สร้างโอกาสให้กับอนาคตของประเทศ ในปีนี้ดีพร้อมได้ยกระดับโครงการสำหรับสตาร์ทอัพในระยะเติบโต (Growth stage) ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ได้แก่
1) ขยายตลาดผ่าน Content Creator: เพื่อช่วยสตาร์ทอัพที่มักเก่งเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังต้องเสริมเรื่องการเล่าเรื่อง (Storytelling) โดยเชื่อมโยงสตาร์ทอัพเข้ากับผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ เพื่อใช้พลังของโซเชียลมีเดียในการปั้นเทรนด์การเสพสื่อด้านนวัตกรรม สร้างการรับรู้ และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ
2) พิสูจน์นวัตกรรมในตลาดจริง (Proof of Concept: PoC): เปิดช่องทางให้สตาร์ทอัพได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรมในการทดลองใช้นวัตกรรมในตลาดจริง เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาดและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน โดยปีนี้มีพันธมิตรสำคัญเข้าร่วม อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล (CENTRAL THAM) กรุงเทพมหานคร (BMA) โรงพยาบาลปทุมธานี และการยาสูบแห่งประเทศไทย
3) เชื่อมโยงสู่แหล่งทุนที่ใหญ่ขึ้น : นอกจากการสนับสนุนจากเดลต้าฯ ยังได้ผนึกกำลังกับ Shark Tank Thailand เพื่อเปิดประตูให้สตาร์ทอัพไทยได้เข้าถึงโอกาสการลงทุนที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

สำหรับผู้ได้รับเงินทุนสนับสนุนในปีนี้ มีนวัตกรรมที่น่าสนใจและจับต้องได้หลากหลาย สะท้อนถึงศักยภาพของ “ดีพเทคดาวรุ่ง” ของไทยในหลายสาขาอุตสาหกรรม อาทิ
• ด้านการศึกษา (EdTech): บริษัท อีซี่คิดส์ โรโบติกส์ จำกัด พัฒนาชุดหุ่นยนต์ฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่รองรับได้ถึง 3 ภาษา (BLOCK-BASED, PYTHON, C/C++)
• ด้านอุตสาหกรรม (IndustrialTech): บริษัท เมอร์ลิเนียม จำกัด ใช้เทคโนโลยี IoT และ AI ในการเฝ้าระวัง ติดตามการทำงาน และแจ้งเตือนความผิดปกติของเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมแบบเรียลไทม์
• ด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI/Big Data): บริษัท ดิจิตอล ไดอะล็อก จำกัด ใช้ AI และแพลตฟอร์ม Data Management เพื่อบริหารจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ให้กับองค์กร
• ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (BioTech /FoodTech): บริษัท ซีวีดี คอร์ป จำกัดกับนวัตกรรมโปรตีนทางเลือก “MUU” ที่ผลิตนมได้โดยไม่มีแม่วัว จากกระบวนการหมักแบบแม่นยำ (Precision Fermentation) ทำให้ได้โปรตีนที่ไม่มีแลกโทสและคอเลสเตอรอล
• ด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (GreenTech): บริษัท ซิมพลิ เด็คคอร์ จำกัด ที่เปลี่ยนเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรอย่างซังข้าวโพด ให้เป็นเยื่อกระดาษ หนังเทียม และบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ช่วยลดการเผาในภาคเกษตร และบริษัท รีเวสเทค จำกัด ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลจากขยะพลาสติกและขยะทางการเกษตร

ด้านนายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวปิดท้ายว่า เดลต้ามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยอย่างยิ่ง การสนับสนุนโครงการนี้ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10 ด้วยเงินทุนรวมกว่า 38 ล้านบาท คือความมุ่งมั่นของเราที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างฐานนวัตกรรมที่แข็งแกร่งให้แก่ประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการในปีนี้ แสดงให้เห็นว่านวัตกรรมของพวกเขามีศักยภาพและสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ของโลก เราจึงพร้อมและยินดีเปิดโอกาสในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะการทำ Proof of Concept (PoC) เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพเหล่านี้ มีโอกาสทดลองใช้โซลูชั่นในภาคอุตสาหกรรมจริง และพร้อมให้คำปรึกษาและแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพไทยเติบโตได้อย่างเข้มแข็งในเวทีระดับโลก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2202 4414-18 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.dip.go.th หรือ https://www.facebook.com/dipromindustry




 
         
         
        